Menu
Home
Services
Brands
Blog
Team
Search
Contact Us
Home
Features
_Multi DropDown
__Patchima Na
__Phaya Na
__Bhagavā Na
_ShortCodes
_SiteMap
_Ao Luk Nai? Sai Takra
Documentation
_Web Documentation
_Video Documentation
Download This Template
AVO
Khwam Chabap Kao Sip Et Lem: ?
2 コメント
Facebook
さんの投稿…
คติธรรม
?
“…เรื่อง ควรจะว่า เป็นความน่าเลื่อมใส หรือเป็นความไม่น่าเลื่อมใส เหตุด้วยความเลื่อมใส ๔ประการ คือ รูปเสียงความติดดิน และความกล่าวธรรมเป็นธรรม ว่าโดยธรรมดา ธิดาของตระกูล ฉะนั้นควรจะบวชหรือไม่ อันนี้เป็นทาง หรือเป็นประเพณีแห่งวงศ์ขัติยะ ย่อมไม่เป็นเรื่องหรือไม่ต้องมีประเด็น โดยทั่วไป อย่างง่าย เพราะว่าเป็นพื้นหลักโดยวิเศษ เฉพาะ คือโดยทั่ว ๆ ทุกบริษัทแล้ว ก็ต้องกล่าวว่าจะกระทำความเลื่อมใสแห่งหมู่ชน ให้ได้มากยิ่งขึ้นอย่างไร , ก็คือ ต้องเอาอย่างธิดากษัตริย์ที่บวช หรือประพฤติของธิดากษัตริย์ที่เป็นนักมังสวิรัติเป็นต้น แต่!ธรรม คือเรื่องแห่งบวรพุทธศาสนา ยกคำว่าเลื่อมใสในรูป หลักมวลชนก็คือรูป ลงคำพูดในอย่างไทย ความฉะนั้นอาจว่าขัดหูขัดตา หรือว่าไม่เจริญหูเจริญตา เพราะก็นำไปสู่ความขัดใจ หรือว่าไม่ถูกใจ ลงว่ามาแต่มุขนัย? ของสาวกบริษัทได้ ก็จำต้องบอกว่า หาความน่าเลื่อมใส คือเจริญด้วยรูป เจริญด้วยเสียง ความครึ บุราณ มอซอ หรือว่าติดดิน แลท่านกล่าวแก่องค์ความรู้ที่สังคายนาไว้แล้ว เป็นหลักฐาน เป็นเบื้องต้น
ฉะนั้น สตรีที่จะต่อสู้ในเชิงสัญลักษณ์ ในเรื่องนี้จึงไม่ค่อยถูก อยู่เสมอ เพราะสตรีเมื่อบวชแล้ว กลับได้มีรูปไม่น่าเลื่อมใส คือพูดแบบทั่ว ๆ ไปว่า บวชแล้วให้มีรูปเป็นทอม หรือก็ว่าเป็นเหมือนกระเทย นั่นเอง คือข้อที่๑ คือบุคคลต้องเลื่อมใสได้เมื่อแปลงเพศ หรือเมื่อกลับเพศก็พ้นไปได้ แต่แล้ว ว่าแล้วอย่างนี้พึงไม่น่าเลื่อมใส เพราะบริษัท ต่างโจทย์จะเพ่งคุณลักษณ์ในเชิงสัญลักษณ์ เป็นข้อแรก ก็คือเรื่องผ้า คือต่างกันตรงที่มีผ้าไม่เหมือนกัน คือสมัยหลักก็คือ ผ้า๕ กับผ้า๓ แต่นี้สมัยธรรมบัญญัติ เพราะแต่ผ้ากาสายะ เป็นผ้าสีคุณลักษณ์ในเชิงของปุรุษ ลงแต่บุรุษบวชย่อมได้เป็นเหมือนบุรุษยิ่งกว่าบุรุษ เพราะให้รูปน่าเลื่อมใส คือได้ทำลายพ้นเพศเดิมได้แล้ว ครองคุณลักษณ์ อันน่าเลื่อมใส พ้นไปดี ด้วยมีรูปมีเสียง มีความบุราณ มอซอ และความกล่าวธรรมเป็นหลักฐาน ก็จึงสร้างความเจริญและความน่านิยมเลื่อมใสแก่พระบวรพุทธศาสนา แต่ทว่าสตรีใดบวชแล้ว ย่อมกลับไม่ได้ คือย่อมไม่ได้จุดเริ่มของความน่าเลื่อมใสในรูป คือถ้าถือว่าหลักเรื่องรูป ขณะไปเพราะจะอ้างเลศด้วยมุขนัย? แต่ซึ่ง คุณลักษณ์ในเชิงสัญลักษณ์ ชื่อเรื่องไม่ให้ซาบซึ้ง เพราะลักขณะ แบบนี้ ไปเพราะแทนวิบัติ ย่อมมิใช่เรื่องจะบวชเข้าไปเพื่อทำให้โลกเจริญ ตามควรเป็นแต่! อาภรณ์คุณลักษณ์ ที่ควรเห็น ที่ชม ณ ที่สตรีเรื่องบวชปัจจุบันกัน อย่ากระนั้น อย่างนั้น ก็พึงแค่ว่า เขาเห็นเป็นเรื่อง น่าดู น่าชม เท่านั้น เพราะได้ลักขณะของพระภิกษุไป โดยมิใช่…”
สรรพาลังการ Pali ศัพท์
さんの投稿…
the Arabic numerals
BLOGGER
Silapa Computer ⭕
#1733114
10月 30, 2021
#PRGS
10月 27, 2021
#597797
10月 27, 2021
Subscribe Th
由 Blogger 提供支持
11/07 - 11/14
1
10/31 - 11/07
2
10/24 - 10/31
4
不正行為を報告
❌ Computer Manuscript ❌
3nirut
Phra Hiriko
Phra Sirikamo
Phra Thamma Khantha
2 コメント
“…เรื่อง ควรจะว่า เป็นความน่าเลื่อมใส หรือเป็นความไม่น่าเลื่อมใส เหตุด้วยความเลื่อมใส ๔ประการ คือ รูปเสียงความติดดิน และความกล่าวธรรมเป็นธรรม ว่าโดยธรรมดา ธิดาของตระกูล ฉะนั้นควรจะบวชหรือไม่ อันนี้เป็นทาง หรือเป็นประเพณีแห่งวงศ์ขัติยะ ย่อมไม่เป็นเรื่องหรือไม่ต้องมีประเด็น โดยทั่วไป อย่างง่าย เพราะว่าเป็นพื้นหลักโดยวิเศษ เฉพาะ คือโดยทั่ว ๆ ทุกบริษัทแล้ว ก็ต้องกล่าวว่าจะกระทำความเลื่อมใสแห่งหมู่ชน ให้ได้มากยิ่งขึ้นอย่างไร , ก็คือ ต้องเอาอย่างธิดากษัตริย์ที่บวช หรือประพฤติของธิดากษัตริย์ที่เป็นนักมังสวิรัติเป็นต้น แต่!ธรรม คือเรื่องแห่งบวรพุทธศาสนา ยกคำว่าเลื่อมใสในรูป หลักมวลชนก็คือรูป ลงคำพูดในอย่างไทย ความฉะนั้นอาจว่าขัดหูขัดตา หรือว่าไม่เจริญหูเจริญตา เพราะก็นำไปสู่ความขัดใจ หรือว่าไม่ถูกใจ ลงว่ามาแต่มุขนัย? ของสาวกบริษัทได้ ก็จำต้องบอกว่า หาความน่าเลื่อมใส คือเจริญด้วยรูป เจริญด้วยเสียง ความครึ บุราณ มอซอ หรือว่าติดดิน แลท่านกล่าวแก่องค์ความรู้ที่สังคายนาไว้แล้ว เป็นหลักฐาน เป็นเบื้องต้น
ฉะนั้น สตรีที่จะต่อสู้ในเชิงสัญลักษณ์ ในเรื่องนี้จึงไม่ค่อยถูก อยู่เสมอ เพราะสตรีเมื่อบวชแล้ว กลับได้มีรูปไม่น่าเลื่อมใส คือพูดแบบทั่ว ๆ ไปว่า บวชแล้วให้มีรูปเป็นทอม หรือก็ว่าเป็นเหมือนกระเทย นั่นเอง คือข้อที่๑ คือบุคคลต้องเลื่อมใสได้เมื่อแปลงเพศ หรือเมื่อกลับเพศก็พ้นไปได้ แต่แล้ว ว่าแล้วอย่างนี้พึงไม่น่าเลื่อมใส เพราะบริษัท ต่างโจทย์จะเพ่งคุณลักษณ์ในเชิงสัญลักษณ์ เป็นข้อแรก ก็คือเรื่องผ้า คือต่างกันตรงที่มีผ้าไม่เหมือนกัน คือสมัยหลักก็คือ ผ้า๕ กับผ้า๓ แต่นี้สมัยธรรมบัญญัติ เพราะแต่ผ้ากาสายะ เป็นผ้าสีคุณลักษณ์ในเชิงของปุรุษ ลงแต่บุรุษบวชย่อมได้เป็นเหมือนบุรุษยิ่งกว่าบุรุษ เพราะให้รูปน่าเลื่อมใส คือได้ทำลายพ้นเพศเดิมได้แล้ว ครองคุณลักษณ์ อันน่าเลื่อมใส พ้นไปดี ด้วยมีรูปมีเสียง มีความบุราณ มอซอ และความกล่าวธรรมเป็นหลักฐาน ก็จึงสร้างความเจริญและความน่านิยมเลื่อมใสแก่พระบวรพุทธศาสนา แต่ทว่าสตรีใดบวชแล้ว ย่อมกลับไม่ได้ คือย่อมไม่ได้จุดเริ่มของความน่าเลื่อมใสในรูป คือถ้าถือว่าหลักเรื่องรูป ขณะไปเพราะจะอ้างเลศด้วยมุขนัย? แต่ซึ่ง คุณลักษณ์ในเชิงสัญลักษณ์ ชื่อเรื่องไม่ให้ซาบซึ้ง เพราะลักขณะ แบบนี้ ไปเพราะแทนวิบัติ ย่อมมิใช่เรื่องจะบวชเข้าไปเพื่อทำให้โลกเจริญ ตามควรเป็นแต่! อาภรณ์คุณลักษณ์ ที่ควรเห็น ที่ชม ณ ที่สตรีเรื่องบวชปัจจุบันกัน อย่ากระนั้น อย่างนั้น ก็พึงแค่ว่า เขาเห็นเป็นเรื่อง น่าดู น่าชม เท่านั้น เพราะได้ลักขณะของพระภิกษุไป โดยมิใช่…”